ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
สำหรับผู้จัดหางาน

บริษัท จัดหางาน เลิร์น บริดจ์ จำกัด (“บริษัท/ผู้ประมวลผลข้อมูล”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะลูกค้า ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดา ตัวแทนของนิติบุคคลที่ลงทะเบียนสำหรับสมัครใช้บริการของบริษัท เช่น กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ผู้รับมอบอำนาจ ผู้ปฏิบัติงาน ตัวแทน พนักงานของนิติบุคคล (“ท่าน/ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล”) ซึ่งได้มอบให้แก่บริษัทด้วยความไว้วางใจ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการลดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่าง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 คำนิยาม

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ลูกค้า ซึ่งอาจเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลที่ใช้บริการของผู้ประมวลผลข้อมูล

“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัท เลิร์น บริติส จำกัด

“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตลอดจนกฎหมายลำดับรอง กฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ คำสั่ง หนังสือเวียน แนวนโยบาย มาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรการการประกอบวิชาชีพ และข้อบังคับใด ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอำนาจเป็นผู้กำหนดโดยบังคับใช้ ณ วันทำข้อตกลงฉบับนี้ หรือที่จะบังคับใช้โดยการกำหนดเพิ่มเติมหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ที่ผู้ประมวลผลข้อมูลได้รับจากผู้ควบคุมข้อมูล ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลต้องใช้ข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมเพื่อก่อข้อมูลนิติบุคคล

ข้อ 2. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง ซึ่งอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือด้วยการกรอกหรืออัปโหลดข้อมูลบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูล ดังต่อไปนี้

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

    1. รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล
    2. ข้อมูลตามบัตร เช่น อาชีพ ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน รายละเอียดเกี่ยวกับที่ทำงาน
    3. ข้อมูลการโต้ตอบ และการสื่อสารในกรณีที่ท่านติดต่อบริษัท รวมถึงภาพ เสียง และความคิดเห็นที่ท่านแสดงและเปิดเผยผ่านแอปพลิเคชันเครื่องมือสื่อสารสอบถาม โทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
    4. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัท เช่น สถานะการเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล ผู้ได้รับมอบอำนาจของนิติบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองต่อบริษัทว่า ท่านได้รับความยินยอมจากผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวให้เปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท รวมถึงยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้น เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบ

2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

บริษัทไม่มีความประสงค์จัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลหมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏบนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้มอบให้บริษัทเพื่อใช้ในการจัดทำข้อมูล หากท่านไม่ต้องการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด ท่านจะต้องปิดบังข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง หากท่านมิได้ปิดบังข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้เปิดเผยแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านั้นให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมาซึ่งบริษัทได้ทำการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยื่นของท่านเท่านั้น


ข้อ 3. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล

3.1 บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และ/หรือการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และภายใต้วัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท หากท่านไม่ประสงค์จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

3.2 ผู้ประมวลผลข้อมูลประสงค์จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในระบบข้อมูลที่จัดเก็บไว้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในข้อตกลงและเงื่อนไขในสัญญาระหว่าง ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลจะปฏิบัติตาม ข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

3.3 บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ และฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1 เพื่อดำเนินการตามคำขอ ความประสงค์ของท่านก่อน หรือขณะเข้าทำสัญญา รวมถึงการติดต่อกับท่านก่อนเข้าทำสัญญา กับบริษัทและดำเนินการใด ๆ เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัท เช่น การประเมินความเหมาะสม คุณสมบัติ เสนอราคา การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2 เพื่อบริหารจัดการให้เป็นไปตามสัญญาที่บริษัทได้ทำขึ้นหรือจะได้จัดทำขึ้นระหว่างบริษัทกับท่าน การปฏิบัติตามสัญญา
3 เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามสัญญารับจ้างที่บริษัทมีให้เป็นไปตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้ควบคุมข้อมูล กับผู้ประมวลผลข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร ไปไม่ว่าจะมีการเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงการประมวลผลตาม โดยผู้ประมวลผลข้อมูลจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ไม่เกินกว่าวัตถุประสงค์ที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ การปฏิบัติตามสัญญา
4 เพื่อการคัดเลือกผู้สมัคร การคัดกรองประวัติ หรือทำการแบบทดสอบเพื่อประเมินความเหมาะสม และเพื่อประกอบการตัดสินใจจ้างงาน รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของท่านตามเกณฑ์ที่ผู้จัดหางานกำหนด การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
5 เพื่อการเรียกเก็บเงิน หรือหนี้ที่ท่านค้างชำระอยู่กับบริษัท การจัดต่อกับข้อเรียกร้องและข้อพิพาท การก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามการใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
6 เพื่อดำเนินการให้เกิดความสำเร็จของธุรกรรม การตั้งหนี้ การทำบัญชี และตรวจสอบความถูกต้องของเลขที่บัญชี และหมายเลขบัตรเครดิต หรือเดบิต และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน การคืนเงิน การออกใบสำคัญรับเงิน ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ และการดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับบัญชีของท่านในฐานะลูกค้าของบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
7 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งในและต่างประเทศที่ใช้บังคับ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของกฎหมาย อำนาจตามกฎหมาย เช่น คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ การปฏิบัติตามกฎหมาย
8 เพื่อใช้ในการออกใบกำกับภาษี โดยเป็นไปตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายหรือระเบียบอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญา/การมาตรา 86/4 ของประมวลรัษฎากร ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 199) เป็นต้น การปฏิบัติ/ตามสัญญา/การบังคับใช้/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
9 การใช้ชื่อ-นามสกุล ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ในลักษณะ เจาะจง ความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การรีวิว เพื่อการส่งเสริมการขาย ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ เฟสบุค อินสตาแกรม สื่อ สิ่งพิมพ์ ออนไลน์ อื่น ๆ การปฏิบัติ/ตามสัญญา/ความยินยอม

ข้อ 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์และตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้ในที่พักรักษาของบริษัท อาจเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หน่วยงานความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัท เป็นต้น

    1. หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

4.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

4.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนดด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมและแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟต์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัท จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

ข้อ 6. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์การประมวลผล ซึ่งแบ่งได้ดังนี้

  1. บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บริการแก่ท่านตามระยะเวลาที่ใช้บริการ หรือสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่าน นับจากปีที่สิ้นสุดการใช้บริการหรือสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่าน

กรณีอื่น ๆ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดนั้น จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต
6.2 เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัท และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัท (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทสามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นอันเกี่ยวข้องกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้ โดยไม่กระทบสิทธิท่านอย่างนานเท่าที่ระบุในกฎหมาย หรือเป็นกรณีจำเป็นที่ต้องต่อสู้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัท หรือเป็นกรณีที่จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจอยู่เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ หรือโดยชอบตามกฎหมาย เช่น เพื่อการป้องกันและเผชิญเหตุการณ์ เพื่อการบันทึกเป็นหลักฐานทางบัญชี หรือทางการเงิน เป็นต้น

ข้อ 7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามสิทธิที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในด้านการดำเนินการใด ๆ หรือทุกกิจกรรมของบริษัทโดยส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด นอกจากสิทธิดังกล่าวข้างต้น เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังคงมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้:

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบังคับใช้หรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเรียกความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ แต่ทั้งนี้มีข้อจำกัดสิทธิที่กฎหมายกำหนด หรือโดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้
  2. สิทธิเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากที่ใด อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การทำตามอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  3. สิทธิขอโอนย้ายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลด้วยวิธีการอัตโนมัติได้ รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้โดยตรง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือลูกค้ารายอื่น ๆ ของบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
  4. สิทธิคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในเวลาใดก็ได้ หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านขึ้นเพื่อการดำเนินงานเป็นไปภายใต้ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการทางการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการศึกษา หรือเพื่อ
    หากท่านคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป เฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามที่กฎหมายกำหนดว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อต่อสู้ในการฟ้องร้อง
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ในกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวไม่มีความจำเป็นในการประมวลผล หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิถอนความยินยอม หรือได้ใช้สิทธิคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน หรือกรณีที่บริษัทหมดความจำเป็นแต่ท่านต้องการให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเป็นกรณีอื่นที่กฎหมายกำหนดไว้
  7. สิทธิขอแก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความเป็นจริง
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัท หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 8. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล

8.1 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางบนระบบอิเล็กทรอนิกส์บริษัทจัดทำขึ้นในเว็บไซต์ของบริษัท หรือกรอกข้อมูลจากแบบฟอร์มที่บริษัทจัดเตรียมไว้สำหรับใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่ท่านประสงค์ใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคลสามารถกรอกข้อมูลผ่าน แบบฟอร์มขอคำยินยอม

ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือเป็นกรณีที่บทบัญญัติในกฎหมายกำหนดให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือเป็นกรณีที่การทำตามคำร้องขอของท่านจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการปฏิเสธคำขอร้องของท่านพร้อมด้วยเหตุผลไว้ ทั้งนี้หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอที่มากเกินควร บริษัทมีสิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่บริษัทกำหนด

8.2 บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นพ้นวิสัยในทางปฏิบัติคำร้องขอเนื่องจากเหตุทางเทคนิค

8.3 ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติการตามคำร้องขอของท่านได้

8.4 หากเป็นกรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกรณีที่ท่านมิได้ใช้สิทธิทางกฎหมาย หรือสิทธิการใช้สิทธิของท่านในกรณีที่ท่านได้ใช้ได้แก่ หรือขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่าน และขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน รวมถึงบริษัทขอปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลต่อไป เพื่อการกระทำดังต่อไปนี้

    1. เพื่อทำรายการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัท เก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือดำเนินการตามสมควรภายในขอบเขตความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทกับท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน
    2. เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันการฉ้อโกง หรือเพื่อกระทำผิดกฎหมาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
    3. เพื่อทำการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เชิงประวัติศาสตร์ หรือเพื่อโดยผู้ชำนาญการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทจะทำการลบข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว หรือที่อาจเกินความจำเป็นในการศึกษาวิจัยดังกล่าวไม่มีนัยสำคัญ
    4. เพื่อใช้เป็นการภายในตามสมควร โดยสอดคล้องกับความคาดหมายของท่านที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท และสอดคล้องกับบริบทที่ท่านได้ให้ข้อมูลดังกล่าวไว้แต่แรก และเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 9. มาตรการรักษาความปลอดภัย

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงจัดให้มีมาตรการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติและขั้นตอนการต่าง ๆ ดังนี้

    1. กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย
    2. ไม่จำหน่ายหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่ากรณีใด และจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
    3. จำกัดสิทธิลูกจ้างของบริษัท ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และกำหนดสิทธิในการเข้าถึง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล
    4. ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัสตามความจำเป็น
    5. ตรวจสอบสถานะ คู่ค้าของบริษัท กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัท ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
    6. ติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
    7. กำหนดให้ลูกจ้างของบริษัท เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
    8. ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม รวมถึงทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป
    9. จัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
    10. จัดให้มีระบบการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับจากทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล

ข้อ 10. ช่องทางการติดต่อบริษัท

บริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ ผ่านช่องทางดังนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)

อีเมล : [email protected]

ที่อยู่ : 444 อาคารเอ็ม บี เค ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

ข้อ 14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะโดยต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท

ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2568