ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
สำหรับผู้สมัครงาน

บริษัท จัดหางาน เลิร์น บริดจ์ จำกัด (“บริษัท”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้สนใจสมัครงานกับบริษัทในฐานะผู้ใช้บริการ (“ท่าน”) ซึ่งบริษัทอาจส่งข้อมูลของท่านให้แก่ผู้จัดหาที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเสนอข้อมูลของท่านเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ท่านสนใจ (“ผู้จัดหา”) บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ประเภทและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของท่านโดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง ซึ่งอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือด้วยการกรอกหรืออัปโหลดข้อมูลบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูล ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลรายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด
  2. ข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น ระดับ ประเภท และเงินเดือนปัจจุบัน
  3. ข้อมูลที่เกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน จดหมายสมัครงาน เงินเดือนที่คาดหวัง ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท หรือที่ท่านเปิดเผยไว้โดยตรง
  4. ข้อมูลที่ปรากฏในแบบทดสอบ เช่น ผลการประเมิน ผลการตอบคำถามคุณลักษณะส่วนบุคคล เป็นต้น
  5. ข้อมูลที่ปรากฏใน Resume Curriculum Vitae (CV) เช่น ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด รูปร่าง สีเชื้อชาติ สถานภาพสมรส สถานภาพทางการที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดีย (Social Media Account), ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม เช่น ประวัติการศึกษา (เช่น ชื่อสถาบัน คณะ สาขาวิชา และปีที่จบ เป็นต้น) ผลการศึกษา ผลการทดสอบ ประวัติการฝึกอบรม หรือฝึกงาน ใบรับรองคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ระบุในใบสมัครและภาพถ่ายสุขภาพ และคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น คุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่น ๆ

1.2 แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้รับจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจให้ท่านกรอกข้อมูลเองในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด หรือการ walk-in สมัครงาน หรือสมัครฝึกงาน หรือการสมัครที่บูธรับสมัครงาน Job Fair Roadshow หรือการสมัครงานผ่านเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงกรณีที่ท่านเข้าสัมภาษณ์งาน เข้าทำสัญญากับบริษัท และส่งมอบเอกสารต่าง ๆ กรณีที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท
  2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติบริษัท อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอกบริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลมาจากช่องทาง ดังนี้
      1. สื่อสังคมออนไลน์ แหล่งข้อมูลโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลที่สาม เว็บไซต์สมัครงาน เช่น Jobs DB, Jobs Thai ฯลฯ
      2. บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา รวมถึงบุคคลใด ๆ ที่ดำเนินการในนามของหน่วยงานเหล่านั้น
      3. ข้อมูลที่ได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ และข้อมูลที่ได้จากหรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับสมัคร

ข้อ 2. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูล

ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1 เพื่อการจัดเก็บประวัติผู้สมัครงานที่ท่านสนใจ และเสนอตำแหน่งงานที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2 เพื่อการตรวจสอบ ยืนยันตัวตน อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัครงาน และดำเนินการตามความประสงค์ของท่าน การปฏิบัติ/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3 เพื่อเปิดเผยข้อมูลในเอกสารเกี่ยวกับการสมัครงานให้กับผู้จัดหาพิจารณาคุณสมบัติของท่านก่อนเรียกสัมภาษณ์ หรือก่อนทำสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติ/เพื่อสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4 เพื่อการคัดเลือกผู้สมัคร การคัดกรองประวัติ หรือทำการแบบทดสอบเพื่อประเมินความเหมาะสม และเพื่อประกอบการตัดสินใจจ้างงาน รวมถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของท่านตามเกณฑ์ที่ผู้จัดหาท่านกำหนด การปฏิบัติ/เพื่อสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

ข้อ 3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้แก่ ผู้จัดหาที่ทำงานที่บริษัทแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าเท่านั้น โดยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

3.2 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนดด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 4. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ 

บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมและแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟต์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัท จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

ข้อ 5. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์การประมวลผล ซึ่งแบ่งได้ดังนี้

  1. บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บริการแก่ผู้จัดหางาน และจะเก็บต่อไปอีก 3 (สาม) ปี นับจากปีที่สิ้นสุดการให้บริการแก่ผู้จัดหางาน เว้นแต่ในกรณีที่ไม่ได้ส่งข้อมูลของท่านให้แก่ผู้จัดหางานรายใด บริษัทจะลบข้อมูลท่าน เมื่อท่านใช้สิทธิลบข้อมูลโดยแจ้งให้บริษัททราบ
  2. กรณีอื่น ๆ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดนั้น จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายกำหนด

5.2 เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัท และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัท (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทสามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นอันเกี่ยวข้องกำหนด อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บข้อมูลบางอย่างไว้ โดยไม่กระทบสิทธิท่านจนกว่าจะล่วงเลยกำหนดอายุความ หรือเป็นกรณีจำเป็นที่ต้องต่อสู้คดีหรือเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัท หรือเป็นกรณีที่จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจอยู่เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ หรือโดยชอบตามกฎหมาย เช่น เพื่อการป้องกันและเผชิญเหตุการณ์ที่มีชอบ หรือเพื่อการเก็บ บันทึกเป็นหลักฐานทางบัญชี หรือทางการเงิน เป็นต้น

ข้อ 6. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามสิทธิที่ท่านได้ร้องขอ ช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในด้านการดำเนินการใด ๆ หรือทุกกิจกรรมของบริษัทโดยส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด นอกจากสิทธิดังกล่าวข้างต้น เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ยังมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้:

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลบังคับใช้หรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเรียกความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ แต่ทั้งนี้มีข้อจำกัดสิทธิที่กฎหมายกำหนด หรือโดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้
  2. สิทธิเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากที่ใด อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การทำตามอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  3. สิทธิขอโอนย้ายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลด้วยวิธีการอัตโนมัติได้ รวมถึงมีสิทธิขอให้บริษัทส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้โดยตรง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่เหมาะสมทางเทคนิค
    ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือผู้จัดหางาน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
  4. สิทธิคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในเวลาใดก็ได้ หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านขึ้นเพื่อการดำเนินงานเป็นไปภายใต้ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการทางการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือเพื่อ
    หากท่านคัดค้าน บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปต่อเมื่อบริษัทสามารถแสดงเหตุผลได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อต่อสู้ในการฟ้องร้อง
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ในกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวไม่มีความจำเป็นในการประมวลผล หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิถอนความยินยอม หรือได้ใช้สิทธิคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน หรือกรณีที่บริษัทหมดความจำเป็นแต่ท่านต้องการให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือกรณีอื่นที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
  7. สิทธิขอแก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความเป็นจริง
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัท หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 7. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล

7.1 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางบนระบบอิเล็กทรอนิกส์บริษัทจัดทำขึ้นในเว็บไซต์ของบริษัท หรือกรอกข้อมูลจากแบบฟอร์มที่บริษัทจัดเตรียมไว้สำหรับใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่ท่านประสงค์ใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคลสามารถกรอกข้อมูลผ่าน แบบฟอร์มขอคำยินยอม

ข้อ 8. มาตรการรักษาความปลอดภัย

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงจัดให้มีมาตรการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติและขั้นตอนการต่าง ๆ ดังนี้

  1. กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย
  2. ไม่จำหน่ายหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่ากรณีใด และจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
  3. จำกัดสิทธิลูกจ้างของบริษัท ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  4. ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัสตามความจำเป็น
  5. ตรวจสอบสถานะ คู่ค้าของบริษัท กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัท ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
  6. ติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
  7. กำหนดให้ลูกจ้างของบริษัท เข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
  8. ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิค ทางกายภาพ และทางธุรการที่เหมาะสม รวมถึงทบทวนการรักษาความปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป
  9. จัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  10. จัดให้มีระบบการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง นับจากทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล

ข้อ 9. ช่องทางการติดต่อบริษัท

บริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ ผ่านช่องทางดังนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)

อีเมล : [email protected]

ที่อยู่ : 444 อาคารเอ็ม บี เค ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

 

ข้อ 14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะโดยต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท

 

ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2568